ATHIP LAW FIRM

คดีแพ่ง ความเข้าใจเบื้องต้นในโลกแห่งสิทธิและหน้าที่

คดีแพ่ง ความเข้าใจเบื้องต้นในโลกแห่งสิทธิและหน้าที่

ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนล้วนเกี่ยวข้องกับ “กฎหมาย” ไม่ทางตรงก็ทางอ้อม ตั้งแต่การซื้อขายสินค้าเล็กๆ น้อยๆ การทำสัญญาเช่าบ้าน ไปจนถึงเรื่องราวที่ซับซ้อนอย่างการจัดการมรดก หรือการเรียกร้องค่าเสียหายจากอุบัติเหตุ เมื่อเกิดข้อพิพาทหรือการละเมิดสิทธิระหว่างบุคคล กฎหมายจะเข้ามามีบทบาทในการแก้ไขและเยียวยาความเสียหาย ซึ่งกระบวนการทางกฎหมายนี้สามารถแบ่งออกได้เป็นสองส่วนหลักๆ คือ “คดีอาญา” ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิดต่อรัฐและมีโทษทางอาญา และ “คดีแพ่ง” ที่มุ่งเน้นไปที่การระงับข้อพิพาทระหว่างเอกชน หรือระหว่างเอกชนกับรัฐในฐานะเอกชน โดยมีเป้าหมายหลักคือการชดเชยความเสียหายและบังคับตามสิทธิและหน้าที่ที่มีอยู่

บทความนี้จะพาคุณผู้อ่านไปทำความเข้าใจกับโลกของคดีแพ่งในเบื้องต้น ตั้งแต่ความหมาย ขอบเขต ประเภทของคดี ไปจนถึงกระบวนการทางศาลอย่างคร่าว เพื่อให้เห็นภาพรวมและสามารถรับมือได้อย่างเหมาะสมเมื่อต้องเผชิญกับสถานการณ์ทางกฎหมายในชีวิตประจำวัน

ความหมายและขอบเขตของคดีแพ่ง

คดีแพ่ง (Civil Case) คือ คดีความที่เกี่ยวข้องกับสิทธิและหน้าที่ของบุคคลตามกฎหมายเอกชน ซึ่งครอบคลุมถึงความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลธรรมดาด้วยกัน นิติบุคคลด้วยกัน หรือระหว่างบุคคลธรรมดากับนิติบุคคล รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างเอกชนกับรัฐในฐานะที่รัฐเข้ามาทำนิติกรรมสัญญาต่างๆ เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง การเช่าทรัพย์สินของรัฐ เป็นต้น เป้าหมายหลักของคดีแพ่งไม่ใช่การลงโทษผู้กระทำผิดเหมือนคดีอาญา แต่เป็นการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น การบังคับให้ปฏิบัติตามสัญญา หรือการกำหนดสถานะทางกฎหมายของบุคคล

ขอบเขตของคดีแพ่งนั้นกว้างขวาง ครอบคลุมเรื่องราวต่างๆ ในชีวิตประจำวันของเราอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับทรัพย์สิน เช่น การซื้อขาย เช่า ให้ ยืม จำนอง จำนำ การครอบครองปรปักษ์ เรื่องเกี่ยวกับหนี้สิน เช่น การกู้ยืมเงิน การผิดสัญญา การละเมิดทำให้ผู้อื่นเสียหาย เรื่องเกี่ยวกับครอบครัว เช่น การสมรส การหย่าร้าง การรับรองบุตร การจัดการสินสมรส เรื่องเกี่ยวกับมรดก เช่น การแบ่งมรดก การจัดการทรัพย์สินของผู้ตาย หรือแม้กระทั่งเรื่องเกี่ยวกับนิติกรรมสัญญาต่างๆ ที่บุคคลทำขึ้น

ประเภทของคดีแพ่ง

เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนยิ่งขึ้น เราสามารถแบ่งประเภทของคดีแพ่งออกได้ตามลักษณะของข้อพิพาทและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้

  • คดีที่มีทุนทรัพย์: เป็นคดีที่มีการเรียกร้องเงินหรือทรัพย์สินที่มีมูลค่าแน่นอน เช่น คดีผิดสัญญาซื้อขาย คดีกู้ยืมเงิน คดีเรียกค่าเสียหายจากอุบัติเหตุ
  • คดีไม่มีทุนทรัพย์: เป็นคดีที่ไม่มีการเรียกร้องเงินหรือทรัพย์สินที่มีมูลค่าแน่นอน แต่เป็นการเรียกร้องให้ศาลมีคำสั่งหรือคำพิพากษาในเรื่องอื่นๆ เช่น คดีฟ้องหย่า คดีขอให้เป็นบุคคลไร้ความสามารถ คดีขอจัดการมรดก
  • คดีเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์: เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับที่ดิน สิ่งปลูกสร้าง หรือสิทธิอันเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ เช่น คดีฟ้องขับไล่ คดีรบกวนสิทธิในที่ดิน คดีแบ่งกรรมสิทธิ์รวม
  • คดีเกี่ยวกับนิติกรรมสัญญา: เป็นคดีที่เกิดจากการผิดสัญญาต่างๆ ที่บุคคลได้ทำไว้ เช่น สัญญาซื้อขาย สัญญาเช่า สัญญาก่อสร้าง
  • คดีละเมิด: เป็นคดีที่เกิดจากการกระทำโดยจงใจหรือประมาทเลินเล่อทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย อนามัย เสรีภาพ ทรัพย์สิน หรือสิทธิอย่างใดอย่างหนึ่ง
  • คดีครอบครัว: เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ระหว่างบุคคลในครอบครัว เช่น การสมรส การหย่าร้าง การจัดการสินสมรส การรับรองบุตร การอุปการะเลี้ยงดู
  • คดีมรดก: เป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการจัดการทรัพย์สินของผู้ตาย การแบ่งมรดก การตั้งผู้จัดการมรดก

กระบวนการทางศาลในคดีแพ่งโดยสังเขป

เมื่อเกิดข้อพิพาททางแพ่งและไม่สามารถตกลงกันได้ คู่กรณีฝ่ายที่ได้รับความเสียหายหรือต้องการเรียกร้องสิทธิของตนเองจะต้องยื่นฟ้องต่อศาลที่มีเขตอำนาจ โดยในการยื่นฟ้องจะต้องมีคำฟ้องที่ระบุถึงข้อเท็จจริง มูลเหตุแห่งการฟ้อง และคำขอท้ายฟ้องที่ต้องการให้ศาลมีคำสั่งอย่างไร

หลังจากที่ศาลรับฟ้องแล้ว ศาลจะส่งสำเนาคำฟ้องให้แก่จำเลย (คู่กรณีอีกฝ่าย) เพื่อให้จำเลยยื่นคำให้การแก้คดีภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด ในคำให้การ จำเลยจะชี้แจงข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายเพื่อโต้แย้งคำฟ้องของผู้โจทก์

เมื่อคู่กรณีทั้งสองฝ่ายยื่นคำฟ้องและคำให้การเรียบร้อยแล้ว ศาลจะกำหนดวันนัดพิจารณา ซึ่งในกระบวนการพิจารณา ศาลจะรับฟังพยานหลักฐานจากทั้งสองฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพยานบุคคล พยานเอกสาร หรือพยานวัตถุ เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาตัดสินคดี

ก่อนที่จะมีคำพิพากษา ศาลอาจมีการไกล่เกลี่ยให้คู่กรณีได้เจรจาตกลงกันเพื่อยุติข้อพิพาทโดยไม่ต้องมีการตัดสิน หากคู่กรณีสามารถตกลงกันได้ ศาลจะทำสัญญาประนีประนอมยอมความ ซึ่งมีผลผูกพันตามกฎหมายเช่นเดียวกับคำพิพากษา

หากไม่สามารถไกล่เกลี่ยได้ ศาลจะพิจารณาพยานหลักฐานและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง แล้วจึงมีคำพิพากษาตัดสินคดี เมื่อศาลมีคำพิพากษาแล้ว หากคู่กรณีฝ่ายใดไม่พอใจในคำพิพากษานั้น ก็มีสิทธิที่จะอุทธรณ์ไปยังศาลที่สูงขึ้นได้ตามขั้นตอนของกฎหมาย

ความสำคัญของการมีความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับคดีแพ่ง

การมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับคดีแพ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตในสังคมปัจจุบัน เนื่องจากจะช่วยให้เราตระหนักถึงสิทธิและหน้าที่ของตนเอง เข้าใจถึงผลกระทบทางกฎหมายจากการกระทำต่างๆ และสามารถป้องกันหรือรับมือกับปัญหาข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม การรู้ว่าเมื่อถูกละเมิดสิทธิหรือเกิดข้อพิพาท เรามีสิทธิที่จะเรียกร้องอย่างไร หรือเมื่อถูกฟ้องร้อง เราควรดำเนินการอย่างไร จะช่วยลดความเสียหายและรักษาผลประโยชน์ของเราได้

นอกจากนี้ การมีความรู้ความเข้าใจในกระบวนการทางศาลยังช่วยให้เราสามารถติดต่อประสานงานกับทนายความได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเข้าใจถึงขั้นตอนต่างๆ ในการดำเนินคดี ทำให้เราไม่ตกเป็นเหยื่อของการถูกเอารัดเอาเปรียบ หรือเสียเปรียบในทางกฎหมายโดยไม่จำเป็น

คดีแพ่งเป็นเรื่องราวที่ใกล้ตัวและเกี่ยวข้องกับชีวิตประจำวันของเราอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การมีความรู้ความเข้าใจเบื้องต้นเกี่ยวกับความหมาย ขอบเขต ประเภทของคดี และกระบวนการทางศาลในคดีแพ่ง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เราดำเนินชีวิตได้อย่างมั่นใจและสามารถปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของตนเองได้อย่างเหมาะสม เมื่อต้องเผชิญกับปัญหาข้อพิพาททางแพ่ง การปรึกษาทนายความผู้เชี่ยวชาญจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเพื่อขอคำแนะนำและดำเนินการทางกฎหมายอย่างถูกต้องต่อไป

ติดต่องานทนายความได้ที่
โทร: 061-939-9935
E-mail: athiplawfirm@gmail.com
Facebook: สำนักงานทนายความ อธิป ชุมจินดา
Website: www.athiplawfirm.com

สำนักงานอธิป-ชุมจินดา-LOGO-crop

“ยุติธรรมไม่ใช่แค่คำพูด แต่คือภารกิจของเรา”

สำนักงานทนายความ อธิป ชุมจินดา เลขที่ 111/376 หมู่ที่ 3 โครงการโกลเด้นทาวน์ ซอย 8 ถนนสิริโสธร ตำบลบางกรูด อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา 24140

Copyright © 2025 Athiplawfirm All Rights Reserved.